วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประวัติโดยย่อ พระอาจารย์มานิต เตชวโร  จ.มหาสารคาม 


เด็กชายมานิต เกิดที่บ้านป่ากุงหนา จังหวัดมหาสารคาม ตั้งแต่เด็กๆ เด็กชายมานิตก็มีนิสัยแปลกกว่าเด็กทั่วไปที่ชอบยิงนกตกปลา แต่เด็กชายมานิตจะมีจิตใจฝักใฝ่ในการชอบทำบุญใส่บาตร ชอบเข้าวัดทำบุญสม่ำเสมอ และมีความเลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมา พอเด็กชายมานิตเรียนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก็มิใคร่อย่างจะเรียนต่อทางโลกอีกต่อไป และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะออกบรรพชาเป็นสามเณรและเรียนต่อในทางธรรม เด็กชายมานิตจึงได้ขอบิดาและมารดาเพื่อออกบวช ซึ่งทางบิดาและมารดาก็ไม่ได้ขัดข้องแต่ประการใด หลังจากได้รับการบรรพชาเป็นสามเณรแล้ว สามเณรมานิต ก็ตั้งอกตั้งใจเล่าเรียนทั้งพระปริยัติธรรมและปฏิบัติธรรม และเรียนคาถาอาคมจากโยมบิดาท่านด้วย จะขอเท้าความถึงโยมบิดาของท่านเป็นคนมีความรู้ความสามารถเรื่องไสยเวทย์มีวิชาและคาถาอาคมอันแก่กล้า ซึ่งท่านก็ได้รับการสืบทอดมาจากโยมปู่ของท่านอีกที เนื่องจากโยมปู่ของท่านนั้นเคยเป็นเสือเก่า ก็จึงมีวิชาอาคมแก่กล้าอย่างยิ่งเช่นกัน ตลอดระยะเวลาที่โยมบิดาของท่านมีชีวิตอยู่มักจะมีคนมาถามโยมบิดาของท่านว่ามีวิชาอะไรดีๆไหม ให้ท่านช่วยสอนช่วยถ่ายทอดให้หน่อยได้ไหม ซึ่งโยมพ่อของท่านก็จะปิดวาจาและทำตัวปกติธรรมดาและไม่ใช้วิชาอาคมที่มีไปรังแกใครหรือทำให้ใครเดือดร้อน จะมีไว้เพียงช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากและปกป้องตนเอง โยมบิดาของท่านจึงได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่มีทั้งหมดที่ได้รับการสืบทอดและร่ำเรียนมาให้สามเณรมานิตจนหมดสิ้น รวมทั้งวิชาทางเป่ารักษาโรค และเมตตามหานิยมที่เลื่องลืออีกด้วย ฯลฯ 

หลังจากร่ำเรียนวิชาจากโยมบิดาจนหมดสิ้นแล้ว โยมบิดาของท่านก็นำสามเณรมานิตไปฝากไว้กับหลวงพ่อโสภี อดีตเจ้าอาวาสวัดป่านาเชือก อ.นาเชือก จ.มหาสารคาม ซึ่งท่านมีศักดิ์เป็นปู่ในสายญาติ ท่านสอนวิชากรรมฐาน วิชาหุงสีผึ้ง ตะกรุด ปลัดขิก ตำรับเสน่ห์เมตามหานิยม และวิชาต่างๆอีกมากมาย เป็นเวลาถึง 6 ปี จนพระอาจารย์มานิต ร่ำเรียนวิชาจากหลวงพ่อโสภีจนหมดสิ้น หลังจากนั้นด้วยบุญบารมีของสามเณรมานิตที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านก็มีโอกาสได้เจอกับพระธุดงค์ลึกลับรูปหนึ่งท่านธุดงค์มาถึงวัดป่านาเชือก สามเณรมานิตในตอนนั้นที่มีอุปนิสัยน่าเอ็นดูขยันขวัญขวายหาความรู้ และได้มีโอกาสได้ดูแลและอุปัฏฐากพระธุดงค์ลึกลับรูปนั้นด้วยความเลื่อมใสศรัทธาจนได้รับความไว้วางใจจากท่าน และสนิทสนมเรียกหาเรียกใช้อยู่ตลอด เมื่อถึงเวลาที่พระธุดงค์รูปนั้นจะต้องจาริกไปธุดวค์ต่อแล้วก็เลยชวนสามเณรมานิตออกไปธุดงค์ด้วย และเป็นโอกาสที่ดีที่สามเณรมานิตจะได้เรียนได้ศึกษาวิชาอาคมอันศักดิ์สิทธิ์ฤทธิรณจากพระอาจารย์ลึกลับท่านนั้นหลายอย่าง อีกทั้งได้ร่ำเรียนการอธิษฐานจิตจากท่านเจ้าที่เจ้าทางเจ้าป่าเจ้าเขาขอพลีมวลสารศักดิ์สิทธิ์ต่างๆเพื่อเก็บเอาไว้สร้างวัตถุมงคลด้วย (แต่พระธุดวงค์รูปนี้ไม่ยอมบอกชื่อของท่านให้เรียกเพียงพระอาจารย์เท่านั้น) ท่านสอนวิชาปลุกเสกป้องกันภัยอันตรายต่างๆ แม้แต่เศษหินดินทรายหรือหญ้าคาก็สามารถปลุกเสกให้มีพลังอำนาจตามประสงค์ได้ และการฝึกกรรมฐาน และอำนาจจิตขึ้นสูงด้วยฯลฯ 

หลังจากกลับจากธุดงค์สามรเณรมานิตก็ได้มอบตัวเป็นศิษย์ของพระอาจารย์คำภาสายธรรมเก้าโกฏิของหลวงปู่รอด สุวัณโณ วัดสระแคนเจริญศรี บ.อ้น อ.จตุรภักพิมาน จ.ร้อยเอ็ด และเมื่ออายุครบ 20 ปีก็จึงเข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์ในบวรพระพุทธศาสนา และได้รับมอบตำราธรรมพระไตรใหญ่จากศิษย์พี่ของพระอาจารย์คำภาคือ พระอาจารย์บุญถม เจ้าอาวาสวัดบ้านนาฝาย อ.นาดูน จ.มหาสารคามอีกด้วย ต่อจากนั้นพระอาจารย์มานิตก็ได้มอบตัวเป็นศิษย์ของพระเดชพระคุณเจ้าหลวงพ่อพระราชสารธรรมมุนี ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมหาสารคาม เรียนวิชาธรรมบรรลุ ธรรมโองการร้อยแปด ธรรมพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ธรรมมูลลี ธรรมท้าวเวสสุวรรณ การหุงสีผึ้งกันผี สีผึ้งเสนห์ช้างผสมโขลง ฯลฯ และท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงปู่ขาว พุทธรักขิโต (พระเกจิอาจารย์ที่มีคนเคารพนับถืออย่างมากมายผู้เป็นเลิศเรื่องญานกรรมฐานและมีฤทธิ์มากยากจะคาดเดาได้แต่ท่านจะไม่แสดงตัวหรือโอ้อวดใดๆเลย) ส่วนมากหลวงพ่อขาวจะสอนกรรมฐาน และสอนธรรมะให้พระอาจารย์มานิตเสียเป็นส่วนใหญ่ ส่วนวิชาอันลึกลับนั้นท่านจะสอนแบบให้จำเอาโดยท่านท่องให้ฟัง ห้ามจด พระอาจารย์มานิตยังเล่าให้ฟังอีกว่าท่านยังมีครูบาอาจารย์อีกท่านหนึ่งที่ชอบมาสอนท่านในความฝันอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ที่แปลกที่สุด ถ้าท่านอาจารย์ในฝันจะให้วิชาอะไรท่านจะสั่งให้ทำเลย แล้วเมื่อพระอาจารย์มานิตทำตามที่ท่านสั่งก็สามารถใช้ให้เกิดผลได้จริงเช่นกัน ส่วนใหญ่ท่านจะเน้นที่เรื่องสมาธิจิตเป็นหลัก และสุดท้ายท่านอาจารย์ในฝันก็ให้พรท่านเอาไว้ว่า "ขอให้ว่าอะไรก็ให้ขลังนะ" (หมายความว่า ไม่ว่าพระอาจารย์มานิตจะพูดหรือปลุกเสกวัตถุมงคลใดก็จะขลัง) ทำให้พระอาจารย์มานิตมีความปราบปลื้มปิติยินดีเป็นอย่างมากในความเมตตาของท่านอาจาารย์ในฝันท่านนี้ นอกจากนั้นพระอาจารย์มานิตยังได้ศึกษาตำราของสายหลวงพ่อกลั่นวัดพระญาติ ตำราจากสายวัดประดู่ทรงธรรม และปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเรื่อยมา  จนมาวันหนึ่งวัดบ้านหนองแคนได้ร้างเจ้าอาวาสมาได้สักระยะ และไม่มีพระสงฆ์มาปฏิบัติกิจแก่วัดเลย และเกรงว่าวัดนี้จะกลายเป็นวัดร้างไปเสีย เพราะฉะนั้นชาวบ้านหนองแคนจึงได้สรรหาพระสงฆ์ที่คู่ควรมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสของวัด ซึ่งวัดหนองแคนนี้มีเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ท่านจึงได้ดลใจให้ผู้ใหญ่บ้านไปขอนิมนต์พระอาจารย์มานิตมาเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองแคน ต่อจากหลวงพ่อเจ้าคณะอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย พระครูปริยัติพัฒโนดมตั้งแต่ปีพ.ศ 2550 เป็นต้นมา 

ในตอนช่วงที่ท่านมารับตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านหนองแคนใหม่ๆนั้นก็ได้รับความลำบากมิใช่น้อย เพราะพื้นที่ของวัดส่วนใหญ่ยังรกร้าง วัดวาอารามยังทรุดโทรมอยู่มาก จะหาใครจะมาช่วยทำนุบำรุงวัดก็ไม่มี ด้วยความที่ท่านเป็นพระนักพัฒนาและมีเมตตากรุณาสูงส่งต่อทั้งญาติโยมและชาวบ้าน ท่านเล็งเห็นว่าชาวบ้านหนองแคนส่วนใหญ่ก็ยังลำบากเรื่องอยู่เรื่องกินกันอยู่ และอาชีพก็ทำการเกษตรหาเช้ากินค่ำ หากจะรบกวนปัจจัยญาติโยมมาบูรณะวัดก็คงเป็นเรื่องที่ยาก แต่ด้วยบุญบารมีของท่านและจิตใจแน่วแน่ในการจะพัฒนาวัดบ้านหนองแคนให้กลับมารุ่งเรืองและดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาสืบไป ท่านจึงใช้วิชาต่างๆที่ได้ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์และได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆขึ้นมาจนเป็นที่เลื่องลือ เช่น กุมารทองมินจา มิจา สองพี่น้อง, กุมารทองมหาเวทย์, ปู่เจ้าสมิงพราย, สีผึ้งเสน่ห์, น้ำมันเสน่ห์, ปิดตานางพราย,หุ่นพยนต์ เป็นต้น ในเรื่องความศักดิ์สิทธิ์และและประสบการณ์ต่างๆจากผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านพระอาจารย์มานิตไปนั้น ล้วนแล้วแต่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเข้มขลังเป็นอันมาก และมีคนบูชาไปจนเกลี้ยงเพียงแค่เปิดให้บูชาเท่านั้น จึงทำให้การทำนุบำรุงวัดบ้านหนองแคนของท่านพระอาจารย์มานิตเป็นไปได้อย่างราบรื่น และเจริญรุ่งเรืองสืบมา ต่อมาท่านพระอาจารย์มานิตจึงได้มีดำริในการสร้างพระธาตุเจดีย์พุทธมงคลศรีพยัคฆ์ขึ้นเพื่อสถิตประบรมสารีริกธาตุที่ท่านได้รับมาจากครูบาอาจารย์ของท่าน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่คนในพื้นที่และบุคคลทั่วไปให้ได้มีโอกาสมากราบไหว้สักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุกันอย่างทั่วหน้า แต่การดำเนินการจัดสร้างยังมีความล่าช้าเพราะงบประมาณในการจัดสร้างค่อนข้างสูงมาก แต่ท่านพระอาจารย์มานิตก็มิได้ย่อท้อแต่อย่างใด ยังมุ่งมั่นตั้งใจในการสร้างพระเจดีย์ให้สำเร็จต่อไป  ในคืนหนึ่งท่านได้ฝันว่า มีชายแก่คนหนึ่งมาเข้าฝันท่านบอกว่า ตัวเขาเองเป็นเจ้าที่ที่ปกปักษ์รักษาสถานที่วัดบ้านหนองแคนแห่งนี้มานานกว่า 1000 ปีแล้ว ที่ๆท่านอยู่คือสระน้ำที่อยู่ภายในวัดนี้เอง แล้วท่านยังบอกพระอาจารย์มานิตอีกว่า ท่านอยากจะสร้างวัดหรือไม่ หากอยากสร้างท่านจะช่วยสร้างขอให้พระอาจารย์ทำกุมารทองขึ้นมาให้องค์หนึ่งมีสีดำมีชื่อเรียกว่ามินจา อีกองค์หนึ่งมีสีแดงมีชื่อเรียกว่ามิจา และทั้งสององค์นี้จะต้องทำดวงตาให้มีสีแดงสด คนแก่ท่านนั้นยังบอกอีกว่ากุมารทองสองพี่น้องนี้เขาอยู่ที่วัดแห่งนี้มาหลายร้อยปีแล้ว หากอยากสร้างวัดท่านจะช่วย เวลาปลุกเสกนั้นขอให้พระอาจารย์เชิญญาณบารมีของพี่น้องมินจา-มิจา ลงไปในหุ่นกุมารด้วย ซึ่งกุมารทองมินจามิจารุ่นแรกที่พระอาจารย์ท่านจัดสร้างนั้น ท่านจัดสร้างเพียงสิบคู่เท่านั้น ในเวลาไม่นานก็มีผู้บูชาหมดทั้งสิบคู่ แต่เวลาผ่านไปไม่ถึงเดือนมีผู้นำมากุมารทองมินจาและมิจามาคืนวัดถึงหกคู่เหตุผลเพราะด้วยความแรงตามคำล่ำลือนั้นเอง รุ่นนี้ท่านจัดสร้างเพราะมีวัตุถุประสงค์เพื่อนำปัจจัยที่ได้สร้างเจดีย์ที่กำลังดำเนินการอยู่ 

หลังจากนั้นท่านก็ได้สร้างวัตถุมงคลต่างๆ รวมถึงกุมารทองอีกหลายรุ่น เพื่อนำปัจจัยที่ได้สมทบทุนสร้างพระธาตุเจดีย์พุทธมงคลศรีพยัคฆ์จนสำเร็จในกลางปี 2558 นี้ ท่านพระอาจารย์มานิตได้มีความมานะบากบั่น เหน็ดเหนื่อยมากมายแต่ท่านก็ไม่เคยปริปากบ่น และมีจิตใจที่มุ่งมันและเสียสละเป็นอย่างยิ่ง จนทุกวันนี้ท่านก็สามารถสร้างพระธาตุเจดีย์พุทธมงคลศรีพยัคฆ์ได้สมเร็จตามความประสงค์และอีกอย่างทางวัดบ้านหนองแคนก็มีผู้คนทั่วไปรู้จักกันพอสมควรแล้ว และสามารถอยู่ได้ด้วยแรงศรัทธาของญาติโยมต่อไป  เมื่อเสร็จสิ้นภาระกิจสร้างพระธาตุเจดีย์พุทธมงคลศรีพยัคฆ์นี้แล้ว ด้วยความกตัญญูและกตเวทีของพระอาจารย์มานิตที่มีต่อโยมบิดามารดาและบ้านเกิดเมืองนอนของท่านที่จากมาหลายปี จึงทำให้ท่านดำริจะกลับสู่ภูมิลำเนาและกลับไปช่วยโปรดคนในพื้นที่แถบบ้านท่าน โดยท่านพระอาจารย์มานิตจะไปสร้างวัดใหม่ที่นั้น ซึ่งมีชื่อว่า วัดสวนป่าเทพประสิทธิ์ บ้านป่ากุงหนา จังหวัดมหาสารคาม  ซึ่งตอนนี้ยังเป็นพื้นที่โล่งๆ และอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง มีเพียงกุฏิหลังเล็กๆไว้บังแดดบังลมเพียงชั่วคราว หากท่านสาธุชนท่านใดมีความประสงค์จะร่วมสมทบทุนร่วมสร้างวัดป่าเทพประสิทธิ์ กับพระอาจารย์มานิต ก็สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่พระอาจารย์มานิต   เตชวโร เบอร์โทร 082-3147669 หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารระบุถึง พระมานิต เตชวโร
-ธนาคารกรุงไทย ออมทรัพย์ สาขาพยัคฆภูมิพิสัย เลขบัญชี 423-0-37605-7 หรือ
-ธนาคารกสิกรไทย ออมทรัพย์ สาขาพยัคฆภูมิพิสัย เลขบัญชี 363-2-62714-8

ขออนุโมทนาบุญ สาธุการกับทุกท่านมา ณ โอกาสนี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น